การเดินทางท่องเที่ยวที่ อำเภอสังขละบุรี

เย็นวันอังคารผมเดินทางมาที่อำเภอสังขละบุรีหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการพิชิตยอดเขาช้างเผือกก็ได้พักผ่อนกับเมืองที่มันเงียบสงบกับสถานที่ที่อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปเพียงแค่2ชั่วโมง สังขละบุรี เป็นเมืองแห่งสายหมอกดินแดนที่ได้รวมสามวัฒนธรรมของ ไทย มอญ และ กระเหรี่ยงหลังจากที่ได้เลือกโฮสเทลที่พักได้แล้วผมก็ได้มาหาอะไรลองท้องที่ตลาดในยามเย็นของสังขละบุรี

เพื่อพักผ่อนสำหรับการเตรียมตัวออกเดินทางของทริปในวันพรุ่งนี้ ณ เวลาเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นก่อนที่พระอาทิตย์จะส่องสงให้เราได้เห็นผลปลุกตัวเองจากความเหนื่อยล้าเพื่อจะนำพาตัวเองนั้นไปยังสพานมอญสะพานแห่งสายหมอกของสังขละบุรีและในเวลาเช้าตรู่ ณ ที่หน้าสะพาน มอญ ชาวบ้านในระแวกนี้ต่างก็ได้พากันออกมาจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการทำบุญไหว้พระของเช้าวันนี้เป็นบรรยากาศที่เรานั้น

จะต้องยอกรับมันจริงๆว่าที่นี่เป็นเมืองแห่งสายบุญโดยแท้ ผม ซึ่งเกิดมาในครอบครัวคนไทยแต่มีเชื้อสายจีน ซึ่งวิถีความเป็นอยู่ของคนในบ้านจะเป็นการทำมาหากินอย่างขยันขันแข็งเป็นหลักการปลูกฝังในด้านพุทธศาสนาของบ้านผมจึงค่อนข้างห่างไกลไปจากตัวของผมพอสมควรและในการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ผมก็คงจะถือโอกาสเพื่อที่จะปลูกฝังตัวเองให้ผมได้พลากสิ่งดีๆในชีวิตนี้น้อยลงไปทีละอย่าง  ชีวิตของเรามันกำลังสั้นลงทุกวินาทีข้อจำกัดของเวลาเป็นสิ่งที่ทำให้การมองโลกนั้น

มันมีค่าและโลกจะสวยงามหรือหมองหม่นก็อยู่ที่ว่าเราจะสร้างความทรงจำอะไรไว้ในชีวิต นี่คือการทำบุญประจำวันที่มันใหญ่ที่สุดเท่าที่ตัวผมเองนั้นได้เคยเห็นมาการทำบุญด้วยตัวคนเดียวครั้งแรกของผมแม้แต่รองเท้าแตะก็ยังลืมถอดแต่ก็ยังได้พี่ด้านข้าง ตักเตือนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนควรที่จะรู้ในการทำบุญในการเดินทางออกหาประสบการณ์ในชีวิตของผมทำให้ผมเข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่างในการหมกหมุ่นทำสิ่งที่ตังเองถนัดเป็นเวลานานนั้นอาจจะทำให้เราขาดสมดุลของการใช้ชีวิตจนตกเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิตเสมอทุกครั้งที่เราได้ก้าวขาออกจากเซฟโซนของตัวเอง

นั่นคือการอ่าแขนรับประสบการณ์นั่นคือการสร้างมิติแห่งการเรียนรู้ที่จะไม่มีวันหมดสิ้นก่อนที่เราจะหมดลมหายใจสะพานมอญเป็นสพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง850เมตรถูกสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำซองกาเลียเพื่อเชื่อมชาวมอญและชาวสังขละเข้าด้วยกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

The Dark Hedges, Northern Ireland

The Dark Hedges, Northern Ireland แนวไม้แห่งความมืด เดอะ ดาร์ก เฮดจ์ แห่ง ไอร์แลนด์เหนือ

สำหรับประเทศ ไอร์แลนด์เหนือ  มีสถานที่ที่น่าอัศจรรย์ ที่เรานึกว่าเรากำลังหลุดเข้ามาในเมืองแห่งเทพนิยายเลยทีเดียว ซึ่งสถานที่ที่จะแนะนำให้ไปเที่ยวนั้นคือ เดอะ ดาร์ก เฮดจ์  ซึ่งที่นี่จะเป็นแนวป่าไม้ที่ปลูกทอดเรียงยาวต่อต่อกันตามริมถนน เดอะ ดาร์ก เฮดจ์ คือแนวต้นบีทที่แต่ละต้นมีอายุมากกว่า สามร้อยปีมาแล้วพากันทอดความยาวของกิ่งก้านสาขาตลาดตามแนวถนน

มีลักษณะคล้ายซุ้มต้นไม้ แต่จะดูลึกลับและน่ากลัวกว่า  สำหรับที่ เดอะ ดาร์ก เฮดจ์ แห่งนี้ถือเป็นถนนสายเก่าแก่ ที่ติดอันดับโลกเลยทีเดียว หากเราได้ไปลองเดินบนถนนเส้นนี้ดูจะพบว่ามีความเป็นเทพนิยายมาก เพราะภาพที่เราเห็นบนถนนแห่งนี้เรามักจะเห็นเป็นฉากในภาพยนต์ที่ออกเป็นแนว นิทาน เช่นเรื่องสโนว์ไวส์ และสาวน้อยหมวกแดง 

หลายคนบอกว่าเหมือนฉากถนนที่พระราชามักจะเดินผ่านแต่ก็มีอีกหลายคนบอกว่าเหมือนทางเข้าไปในป่าต้องห้ามเลยก็มี ซึ่งต้นบีทที่เราเห็นอยู่เต็มสองข้างถนน และมีความใหญ่โต ขึ้นสูงตระหง่านอยู่นี้ถูกปลูกจากฝีมือของชาวบ้านในศตวรรษที่ 18 โดยปลูกมาจากครอบครัวของตระกูลสะเก้า

โดยพวกเขามีความคิดที่ว่าอยากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาหรือใครก็ตามที่แวะมาเยี่ยมเยียนครอบครัวสะเก้า  สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่กลางวันกับกลางคืนให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมาก เพราะถ้ามาเที่ยวที่นี่ตอนกลางวัน จะมองเห็นความงดงามของต้นไม้และทุ่งหญ้าที่ริ้วล้อเล่นลม อากาศที่นี่กำลังสดชื่นเย็นสบาย สามารถเดินเล่นออกกำลังกายไปได้เรื่อยเรื่อยไม่มีเบื่อ แต่ถ้าหากมาเที่ยวที่นี่ในตอนกลางคืนจะให้บรรยากาศคนละแบบกับตอนกลางวันเลยทีเดียว

เพราะมันจะเปลี่ยนจากสถานที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน เป็นฉากหนังสยองขวัญ ที่ต้องวิ่งหนีปีศาจหรือฆาตกร  ด้วยจำนวนต้นไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมดสองข้างทาง และมีแต่ความมืดเข้ามาปกคลุม ปัจจุบันเดอะ ดาร์ก เฮดจ์ ได้ปรับมาเป็นภูมิทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่มีผู้คนแวะเวียนมาเยี่ยมชมความงดงามและความน่ากลัว

และมีคนนิยมพากันมาถ่ายภาพมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์เหนือ ซึ่งคู่บ่าวสาวหลายคู่ได้มาใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หรือใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพและวาดภาพจากนักเขียนชื่อดังมากมาย และที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งจึงทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานทีท่องเที่ยวยอดนิยมจากคนทั่วโลกไปแล้วค่ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  nowbet

น้ำตกเหวนรก

สำหรับที่น้ำตกเหวนรกแห่งนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดนครนายก

โดยยังอยู่ในกรมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่นี่ถือว่าเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของภาคกลางเลยก็ว่าได้โดยสภาพของป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามชั้นซึ่งเมื่อนับเอาทั้งสามชั้นของน้ำตกมารวมกันแล้วสามารถวัดความสูงของน้ำตกได้มากกว่า 150 เมตรเลยทีเดียวซึ่งน้ำที่ไหลมารวมตัวกันแล้วกายมาเป็นน้ำตกหิวนรกนี้มาจากแหล่งน้ำลำธารน้อยใหญ่ในแต่ละสายแล้วนำมาบรรจบรวมกัน

จนเกิดพลังงานน้ำมาจำนวนมหาศาลไหลตกลงสู่พื้นแอ่งน้ำน้ำตกแห่งนี้มีความฉันของหน้าผาสูงมากและยังมีปริมาณน้ำที่ไหลลงมารวมกันไม่ขาดสายเกิดเป็นเสียงสะท้อนดังก้องลั่นป่า ด้วยปริมาณน้ำที่มากจึงทำให้น้ำตกแห่งนี้มีไอน้ำระเหยกระจัดกระจายขึ้นโดยรอบบริเวณน้ำตกทำให้มองดูแล้วคล้ายกำลังมีสิ่งลึกลับน่ากลัวรอเราอยู่

ซึ่งนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวบ้านจึงต้องมีการเรียกน้ำตกนี้ว่าน้ำตกหิวนรกนั่นเอง ตลอดทางเดินในการเดินเท้าไปเยี่ยมชมน้ำตกเหวนรกนั้นทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้มีการเตรียมทางเดินซึ่งเป็นสะพานไม้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินกันและถ้าหากนักท่องเที่ยวเดินไปจนถึงจุดชมวิวคุณจะสามารถมองเห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกเหวนรกนี้

ได้อย่างถนัดตาระยิ่งถ้าคุณไปในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมากคุณจะสามารถมองเห็นละอองน้ำที่ไหลลงมากระทบโขดหินแล้วเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปในอากาศมองผ่านแสงอาทิตย์จะเห็นเป็นรุ้งหลากสีสวยงามมากมายเลยทีเดียวและหากใครที่เดินมาที่น้ำตกหิวนรกแห่งนี้คุณจะสามารถสังเกตเห็นแนวปูนอยู่เป็นระยะๆ

ซึ่งแนวปูนที่เราเห็นว่าเจ้าหน้าที่อุทยานสร้างเอาไว้นี้จะเป็นการสร้างเพื่อกั้นไม่ให้ช้างตกลงไปในน้ำตกเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรามักจะรู้ข่าวเกี่ยวกับช้างป่าเดินหลงฝูงแล้วต้องมาเสียชีวิตเพราะพลัดตกลงไปในน้ำตกหิวนรกแห่งนี้อยู่เป็นจำนวนมากดังนั้นทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงได้ช่วยกันทำแนวปูนกั้นไว้

เพื่อเป็นการรักษาชีวิตของช้างและสัตว์ป่าอื่นๆให้คงอยู่ในป่าของเขาใหญ่และเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างและสัตว์ป่าอื่นต้องมีอันตรายจากการตกลงไปในน้ำตกนั่นเอง  และสำหรับที่น้ำตกเหวนรกแห่งนี้ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำจะทำได้แค่เพียงยืนชมความงามของน้ำตกและถ่ายรูปได้เท่านั้นเพราะค่อนข้างมีอันตรายดังนั้นนักท่องเที่ยวควรจะทำตามคำแนะนำของทางเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ที่สุดของความงามแห่งขุนเขาลำเนาไพร

     สำหรับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนั้นเป็นน้ำตกที่อยู่จังหวัดกาญจนบุรีและอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์โดยน้ำตกแห่งนี้จะต้องเดินทางเข้าป่าลึกไปถึง 108 กิโลเมตรถ้านับจากตัวอำเภอเมืองที่น้ำตกแห่งนี้มีความงดงามจนยากที่จะบรรยายเพราะทั่วบริเวณของน้ำตกเรามักจะเห็นทั้งต้นไม้ทั้งน้ำตกที่ไหลลงมาจากต้นน้ำ

และยังมีแอ่งน้ำของน้ำตกอยู่อีกหลายแอ่งน้ำที่ไหลเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อโดนโขดหินและโดนหน้าผาทำให้น้ำน้ำตกไหมเค้ามินแห่งนี้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีเลยทีเดียวแหล่งต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้จะมาจากน้ำที่ตกลงมาจากเทือกเขากลา

ซึ่งบริเวณป่าในพื้นที่เขากลานั้นจะมีลักษณะเป็นป่าดงดิบแบบแล้งชื้นที่สำคัญน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้จะปล่อยให้น้ำไหลผ่านไปยังอ่างเก็บน้ำเพื่อทำการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งดำน้ำจะถูกกักเก็บไว้ที่เขื่อนศรีนครินทร์และหากใครเคยมาเยี่ยมชมน้ำตกห้วยขมิ้นแล้วก็จะทราบว่าที่น้ำตกแห่งนี้จะประกอบไปด้วยน้ำตกทั้งหมดเจ็ดชั้น

โดยแต่ละฉันทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้มีการตั้งชื่อเอาไว้ให้ด้วยเช่นชื่อดงว่าน,ม่านขมิ้น,วังหน้าผา,ฉัตรแก้ว,ไหลจนหลง,ดงผีเสื้อและร่มเกล้า ซึ่งในแต่ละชั้นของน้ำตกก็จะมีความสวยงามความแตกต่างของสภาพน้ำตกที่ไม่เหมือนกันสำหรับที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้มีการสร้างทางเดินเอาไว้ให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อจะได้เดินขึ้นไปดูความงามของนักตบในแต่ละชั้น

และสำหรับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้จะมีความสวยงามมากที่สุดในช่วงกลางเดือนตุลาคมยาวไปจนถึงเดือนเมษายนแต่อันที่จริงคุณก็สามารถไปเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นรได้ตลอดทั้งปี และหากใครที่ไปเที่ยวน้ำตกห้วยกับแม่ขมิ้นแล้วอยากจะพักชมบรรยากาศนอนฟังเสียงนกร้องในตอนกลางคืนที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์จะมีบริการให้เช่าเต็นท์และห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

ซึ่งที่นี่จะเปิดเป็นร้านกว้างให้นักท่องเที่ยวได้กลางเต็นท์ตามใจชอบบรรยากาศของที่นี่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่จะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่เอาไว้บดบังแสงแดดให้กับนักท่องเที่ยวแล้วยังปล่อยอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้หายใจเข้าไปด้วย สำหรับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนั้นมีทั้งหมดเจ็ดชั้นก็จริงแต่ฉันที่ถือว่าสวยงามที่สุดกลับอยู่ที่ชั้นสี่นั่นก็คือฉันที่ชื่อฉัตรแก้วนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกที่ฉันนี้กันมาก

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดสมุทรปราการ

จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับเขตพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร  ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าที่จังหวัดสมุทรปราการแห่งนี้นั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายที่ที่น่าสนใจมาก

ดังนั้นวันนี้เราจะมาพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดสมุทรปราการกันค่ะ

เริ่มกันที่ตลาดริมน้ำโบราณบางพลี กันก่อน 

ที่ตลาดแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นตลาดสำหรับเอาไว้ขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร และบริเวณโดยรอบจะเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยก่อนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ปัจจุบันตลาดริมน้ำแห่งนี้ ยังคงมีการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมรวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนเอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อต้องการให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ให้กับคนรุ่นหลังได้ทราบวิถีชีวิตของคนในอดีต ที่นี่จะขายทั้งของกินของฝาก ผักและผลไม้มากมาย ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวมาชมความงามของตลาดน้ำรวมทั้งซื้อของกิน ของฝากได้ทุกวัน ในช่วงเวลา 08.00-16.00 น.

วัดบางพลีใหญ่ใน  เมื่อมาเที่ยวที่จังหวัดสมุทรปราการ

ไม่ควรจะพลาดมานมัสการ หลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรปราการมาอย่างยาวนาน  ซึ่งหลวงพ่อโตนั้นว่ากันว่า เป็นพระพุทธรูปที่ลอยมาตามน้ำแล้วมาหยุดอยู่ตรงท่าน้ำที่วัดบางพลีใหญ่แห่งนี้ ซึ่งในปัจจุบันวัดแห่งนี้มีผู้คนมากราบไหว้และบนบานหลวงพ่อต่อกันอย่างหนาแน่นทุกวัน  และทุกปี ในวันขึ้น14 ค่ำ เดือน11 ที่คลองติดกับวัดจะมีงานประจำปี เรียกว่า พิธีโยนบัว – รับบัว นักท่องเที่ยวจะนิยมมาร่วมประเพณีนี้กันมาก เพราะเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน และควรค่าแก่การรักษาเอาไว้

เมืองโบราณ 

สำหรับที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจำลองสถานที่สำคัญสำคัญในประเทศไทยทั้งหมดมาไว้ที่นี่เพียงที่เดียว โดยมีการสร้างให้มีรูปร่างและขนาดที่เล็กลงกว่าของจริง ซึงมีการสร้างเอาไว้แล้วมากกว่า 116 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทหินพนมรุ้ง  พระธาตุไชยา หรือแม้แต่เขาพระวิหารก็มี 

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ 

สำหรับที่นี่เด็กผู้ชายคงจะชอบมาเที่ยวเพราะจะเป็นสถานที่จัดแสดง อาวุธของทางกองทัพเรือ โดยมีการจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม มีการนำเรือรบจำลอง   เรือหลวงมัจฉานุ และยังมีเรืออื่นอื่นอีกมากมายมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 

ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นที่จัดเก็บ ศิลปวัตถุโบราณที่หาชมที่ไหนไม่ได้แล้วมาไว้ที่นี่ เป็นการนำมรดกทางวัฒนธรรมมาจัดแสดงให้คนรุ่นหลังได้ดูกัน  และเรายังสามารถชมความงดงามของต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณที่มีการปลูกตกแต่งเอาไว้รอบรอบ พิพิธภัณฑ์นั้นเอง

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

 อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์อยู่ในพื้นที่จังหวัดของแม่ฮ่องสอน

ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่กันเป็นจำนวนมากเพราะต้องการมาเยี่ยมชมความงดงามทางธรรมชาติรวมถึงการถ่ายภาพสวยสวยของน้ำตกและบริเวณสถานที่โดยรอบน้ำตกซึ่งที่นี่จะมีทั้งต้นไม้สัตว์ป่าให้เราได้พบเห็นกันเป็นจำนวนมากสำหรับน้ำตกที่นี่จะเป็นลักษณะของน้ำตกฉันเดียวแต่มีความสวยงามและมีพื้นที่กว้างใหญ่มากโดยตัวน้ำตกจะเป็นหน้าผาสูงซึ่งจะมีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาตกลงมาสู่พื้นด้านล่าง

โดยความสูงของน้ำตกแห่งนี้จะอยู่เราราว 200 เมตรถึง 300 เมตรดำน้ำที่ตกลงมาจะตกลงมาอยู่ระหว่างหุบเขาซึ่งหากเราไปยืนตรงจุดที่เค้าจัดเป็นจุดชมวิวแล้วจะเห็นความสวยงามของน้ำตกนี้เป็นอย่างมากจุดชมวิวที่ทางอุทยานในการจัดไว้ให้นั้นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำตกซึ่งจะให้วิวที่สวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

และตรงจุดชมวิวนี้เองทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้มีการสร้างศาลาเอาไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนกินลมชมวิวและมองน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาซึ่งจะให้บรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติมากซึ่งตรงจุดนี้เป็นจุดที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเห็นความสวยของน้ำตกแต่ไม่ต้องการไปใกล้กับจุดที่น้ำตกตกอยู่

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากมาเที่ยวน้ำตกแม่สุรินทร์แนะนำว่าควรจะมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เพราะในช่วงนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติจะมีการปลูกดอกบัวตองและเป็นช่วงที่ดอกบัวตองกำลังบานสะพรั่งเต็มพื้นที่แลดูสวยงามเป็นอย่างมากและระหว่างทางที่นักท่องเที่ยวจะเดินไปชมความงามของน้ำตกแม่สุรินทร์นั้น

จะต้องเดินผ่านทุ่งดอกบัวตองซึ่งปลูกอยู่ตรงดอยแม่อุคอและบริเวณตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะกลางนั้นเต็นนอนหรือจะเช่าบ้านพักกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติก็ได้       

สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวน้ำตกแม่สุรินทร์นั้นทางเจ้าหน้าที่อุทยานจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำเพราะค่อนข้างอันตรายแต่จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเพื่อชมความงามของน้ำตกรวมถึงบริเวณโดยรอบน้ำตกที่มีทั้งดอกไม้และต้นไม้นานาพรรณนักท่องเที่ยวสามารถชมความงามเรานั้นได้สำหรับการเดินทางจากจุดพักตรงดอยแม่อูคอ

ไปจนถึงน้ำตกนั้นจะมีความลาดชันและต้องขึ้นเขาลงเขาดังนั้นควรเตรียมรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่ในการเดินทางในครั้งนี้จะสะดวกสบายกว่าและใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจึงควรเตรียมน้ำดื่มเอาไว้ดื่มระหว่างทางด้วยเพื่อป้องกันการหิวระหว่างทาง 

น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก

  ปกติเรามักจะศึกษาน้ำตกในประเทศว่ามีที่ไหนสวยงามบ้างเพื่อที่ได้หาวันหยุดไปเที่ยว แต่วันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลน้ำตกที่สวยที่สุดจากทั่วโลกมาฝากกัน เผื่อใครอยากจะเปลี่ยนที่เที่ยวไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้าง

  • น้ำตก Jog Fall  เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศอินเดีย ด้วยความสูง 253 เมตร จึงทำให้น้ำตกแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของประเทศอินเดียเลยทีเดียว และน้ำตกแห่งนี้จะสวยในตอนหน้าฝนเพราะหากเป็นช่วงฤดูอื่นน้ำจะน้อย จะทำให้น้ำตก Jog Fall  ไม่ค่อยจะมีน้ำไหลตกลงมา ซึ่งมองดูแล้วจะกลายเป็นน้ำตกขนาดเล็กลงไปทันที
  • น้ำตก Huangguoshu Fall   เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศจีน ซึ่งน้ำตกที่นี่จะมีน้ำไหลงมาจากหน้าผาด้วยความเร็วและแรงมาก และด้านหลังของน้ำตกนี้ นักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าไปชมความงดงามของถ้ำหลังม่านน้ำตกได้ด้วย น้ำตก Huangguoshu Fall    มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 77.8 เมตร
  • น้ำตก  Gullfoss Falls  เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศ ไอซ์แลนด์   นักท่องเที่ยวต่างก็นิยมเดินทางมาเที่ยวที่นี่เพราะด้วยน้ำที่ใสมาก และความแรงของน้ำที่ดูจะทำให้รู้สึกถึงความพิศวง และที่สำคัญน้ำตก Gullfoss Falls  นี้เป็นน้ำตกที่มีน้ำเยอะตลอดทั้งปี
  • น้ำตก Detian  สำหรับที่นี่จะเป็นน้ำตกที่อยู่พื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศเวียดนามและประเทศจีน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีแอ่งน้ำหลายชั้น และจำนวนน้ำตกก็หลายชั้นเช่นกัน
  • น้ำตก Blue Nile เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศ เอธิโอเปีย ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ไหลมาจากแม่น้ำ   Blue Nile ชาวบ้านจึงตั้งชื่อน้ำตก ตามชื่อแม่น้ำ ปัจจุบันน้ำตกแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเอธิโอเปีย และถึงแม้ภายหลังจากที่ไหลมาลงที่น้ำตกแห่งนี้จะน้อยลง จากการที่มีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำขึ้น  แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่
  • น้ำตก Kaieteur Falls เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศกายอานา  เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนเอาไว้จากธรรมชาติ โดยน้ำตกแห่งนี้ถูกพบว่าอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ มีความสูงถึง 226 เมตรและมีน้ำไหลตลอดทั้งปีในปริมาณที่มาก เรียกได้ว่ามีทั้งความสวยงามและความสูงอยู่ในตัวเอง
  • น้ำตก Angel Falls   สำหรับน้ำตกแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่สูงทีสุดในโลก เป็นน้ำตกที่มีพื้นที่อยู่ในประเทศเวเนซูเอลา  และน้ำตกแห่งนี้อยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ หากใครอยากไปเที่ยวต้องนั่งเครื่องบินชมความงามทางอากาศเท่านั้น

นี่เป็นเพียงแค่น้ำตก 7 ใน 10 ที่สวยที่สุดในโลก ที่หากมีโอกาสควรหาเวลาไปเยี่ยมชมกับความงามที่เป็นของจริงดูสักครั้ง

สิ่งที่ต้องทำเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศสเปน

ประเทศสเปน ประเทศที่มีกว่า 50 จังหวัด

กับเขตการปกครองแบบอิสระกว่า 17 เขต และมีผู้คนที่มีความหลากหลายทางภาษากว่า 5 ภาษา สเปนจึงเป็นประเทศที่มีความแตกต่างมากกว่าที่คุณคิด ยิ่งไปกว่านั้นสเปนไม่ได้มีแค่มหาวิหาร โบสถ์ หรือแหล่ง Shopping ประเทศสเปนเองนั้นยังเป็นประเทศที่ทันสมัย มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก

อาหารรสเลิศระดับสากล ที่ท่องเที่ยวยามกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงสุดคึกคัก นั้นเลยกลายเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาไปท่องเที่ยวที่ประเทศสเปนถึงมีอะไรให้ทำมากมายนัก ทั้งลุยๆทั้งสนุก เพราะฉะนั้นเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศสเปนแล้วสิ่งที่ควรไปทำมีดังนี้

  1. กินทาปาสฟรี – การกินทาปาส กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของประเทศสเปน มันไม่ได้สำคัญว่าคุณกินอะไรแต่อยู่ที่ว่ากินอย่างไร เจ้าทาปาสมักเป็นอาหารที่มากับเครื่องดื่มเมื่อคุณสั่งตามบาร์ต่างๆ และแน่นอนว่าทาปาสที่ได้มานั้นของฟรีแน่นอน
  2. ดูเต้นระบำฟลาเมงโก ฟลาเมงโกกลายเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์ในโลกของดนตรีไปแล้ว เพราะเป็นรูปแบบของวัฒนธรรมดนตรีพื้นบ้านที่ยังคงมีมาอยู่ถึงปัจจุบัน ส่วนการเต้นระบำฟลาเมงโกที่ดีที่สุดสามารถพบเจอได้ตามงานแต่งงานของชาวยิปซี ตามบาร์ที่มีการขับร้องเพลงไปด้วยกัน การไปดูระบำฟลาเมงโกเป็นหนึ่งในสิ่งที่ห้ามพลาดมากที่สุดเมื่อไปถึงสเปน   
  3. ตามรอยสถาปัตยกรรม อันตอนี เกาดี้ (Antoni Gaudi) เป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ด้วยการออกแบบที่ใจกล้าบ้าบิ่นจึงทำให้มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเป็นสถาปัตยกรรมที่มีคอนเซ็ปจากธรรมชาติ ทำให้มีโครงสร้างที่มีเส้นโค้งงองดงามแปลกตา แนะนำให้มาสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตาของตัวเอง
  4. ดูการต่อสู้วัวกระทิง เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับสัตว์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศสเปน ถึงแม้ว่าการต่อสู้วัวกระทิงจะไม่ได้เป็นที่นิยมเฟื่องฟูเท่ากับเมื่อก่อนแต่อย่างไรก็ตามก็มันก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สเปนไปแล้ว บ้างก็ว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ไม่ควรสนับสนุน แต่เรื่องแบบนี้คุณก็ควรไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งและลองตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู
  5. เยี่ยมชมอาลัมบรา (Alhambra) บนเนินเขากรานาดานั้นมีปราสาทและป้อมปราการชื่ออาลัมบราที่ไว้ใช้ป้องกันจากการบุกรุกของชาวคริสเตียนกว่าหลายร้อยปี การไปที่อาลัมบรานั้นคุณสามารถคาดหวังเรื่องวิวได้เลย เพราะคุณจะได้เห็นสวนที่สวยที่สุดในโลก และป้อมปราการที่งดงาม
  6. เรียนภาษาสเปนที่ประเทศสเปน ถ้าคุณมีเวลามากเหลือเกินในมือล่ะก็ ทำไมถึงไม่ลองเล่าเรียนภาษาสเปนดูล่ะ ภาษาสเปนก็เป็นหนึ่งในสี่ภาษาที่มีผู้คนใช้มากที่สุดในโลก เพราะนอกจากที่จะพูดกันในประเทศสเปนแล้วยังใช้พูดกันอเมริกาตะวันตกอีกด้วย ภาษาสเปนเป็นภาษาที่เรียนได้ง่ายอย่างน่าประหลาดใจ

ด้วยสำเนียงที่สามารถออกเสียงได้หลากหลายของภาษาสเปน จึงทำให้การเรียนภาษานี้เป็นเรื่องที่น่าสนุกเพลิดเพลินเลยทีเดียว 

ที่เที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติในช่วงของหน้าหนาว

ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ช่วงหน้าหนาวอย่างแรกที่พวกเรานึกถึงนั้นก็คือไปชมดอกพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยหรืออาจจะขึ้นดอยไปชมทะเลหมอกงามๆ โดยวันนี้เรามีที่เที่ยวธรรมชาติที่จังหวัดเชียงใหม่ มาฝากกัน

อุทยานแห่งชาติศรีลานนา

ต้องบอกก่อนนะว่าสำหรับอุทยานแห่งชาติศรีลานนานั้นครอบคลุมพื้นที่เป็นเขตของอำเภอพร้าว อำเภอแม่แตง และอำเภอเชียงดาว (ป่าแม่งัด ป่าแม่แตง และป่าเชียงดาว) โดยได้รวมเนื้อที่ได้นั้นก็คือ 652,000 ไร่ ซึ่งมีสภาพโดยรวมเป็นรูปแบบป่าดิบเขา และมีภูมิประเทศเป็นรูปแบบที่มีเทือกเขาสูง โดยมีการสลับซับซ้อนกันทอดตัวเป็นแนวเหนือใต้ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิงอีกด้วย

ไฮไลท์แห่งอุทยานฯมีดังนี้
  • น้ำตกม่อนหินไหล สำหรับน้ำตกนี้ถือได้ว่าเป็นน้ำตก 9 ชั้น ที่มีลักษณะเป็นตาดหินลาดเขา ซึ่งที่นี่มีแหล่งน้ำไหลตลอดทั้งปี ในแต่ละชั้นนั้นมีลักษณะเด่นด้วยกันและมีความแตกต่างกันออกไป
  • จุดชมวิวที่ไม่ควรที่จะพลาด นั่นคือ ยอดดอยม่อนหินไหล จะอยู่บนน้ำตกชั้นที่ 9 นั่นเอง ซึ่งหากเรานั้นได้ขึ้นไปจะเป็นจุดชมวิวมองเห็นทัศนียภาพที่มีความสวยงามของอำเภอพร้าว และต้องบอกก่อนนะว่าอุทยานแห่งชาตินั้นจะทำการปิดน้ำตกม่อนหินไหลในช่วงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนของทุกๆปี
  • อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล สำหรับในส่วนตัวโดยโครงการชลประทานที่เป็นเขื่อนแม่งัด – สมบูรณ์ชลนั้น จะมีลักษระเป็นที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และสามารถชมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะมีแพพักพร้อมอาหารที่เป็นบริการของเอกชนไว้ให้บริการนั่นเอง
  • สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าไปนั่นก็คือ เช่น น้ำตกห้วยแม่ระงอง น้ำตกห้วยป่าพลู ถ้ำผาแดง เทือกเขาหินปูน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบริเวณดอยแม่วะ เป็นต้น

สำหรับนักท่องเที่ยวท่ะไปสถานที่ที่เราแนะนำนั้นต้องบอกว่าจะต้องเป็นคนที่มีความรักในธนนมชาติมากที่สุดเพราะมันเป็นการเดินทางเพื่อไปพบกับเหล่าธรรมชาติโดยตรง โดยเรานั้นจะต้องทำการเดินทางด้วยรถและมีการพักจอดรถและกระทำการเดินทางเท้าเพื่อเข้าไปชมยังสถานที่ต่างๆ

ในการเดินทางก็จะเป็นการเดินทางด้วย 2 ข้างทางที่เราเดินผ่านนั้นจะเป็นป่าเขา เป็นธรรมชาติโดยแท้จริง การเดินทางค่อนข้างจะมีระยะทางของมัน แต่นั้นก็จะเป็นการหายเหนื่อยหากได้ไปถึงนะขจุดชมวิวหรือถึงสถานที่เหล่านั้นเพราะมันคุ้มค่าที่เราจะเดินอย่างแท้จริง แต่หากใครไม่อินกับการเดินนั้นต้องเลือกสถานที่หน่อยนะเพราะบางสถานที่ก็เป็นการเดินทางไกล แต่แบบใกล้ๆก็มีเช่นกัน

ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นอย่างไรนะ

วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับประเพณีบุญบั้งไฟกัน

เนื่องจากงานประเพณีบุญบั้งไฟหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าประเพณีบุญขอฝน ประเพณีเหล่านี้เป็นประเพณีของความเชื่อของหมู่บ้านและจะมีวันกำหนดเกี่ยวกับการจุดบั้งไฟเพื่อเป็นการประกวดแข่งขันในงานพิธีอีกด้วย

ประเพณีนี้เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการบูชาเทพเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของทางด้านทางภาคอีสาน โดยพวกเขามีความเชื่อในประเพณีเหล่านี้ว่าเทพวัสสกาลเทพบุตร (เทพนี้เป็นเทพที่หน้าที่ในการดูแลเรื่องฝนให้ตกตามฤดูกาล)

ซึ่งมีความเชื่อกันว่า ถ้าไม่จัดงานบุญบั้งไฟ จะทำให้ฝนจะไม่ตก และนอกจากนั้นอาจจะเกิดภัยแก่หมู่บ้านอาจส่งผลให้เกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นที่หมู่บ้านนี้ก็ได้

 

สาเหตุหลักที่เหล่าชาวบ้านเรียกงานบุญบั้งไฟนี้ก็เนื่องมาจากในตำนานมีการนำดินปืนมาใส่ที่กระบอกไม้ไผ่แล้วพากันนำไปจุดขึ้นฟ้าจากเหตุการณ์เหล่านั้นจะส่งผลให้เกิดควันและเสียงที่มีความดังมาก

 

สำหรับบั้งไฟนั้นเป็นการเรียกชื่อของทางภาคอีสานความหมายของมันก็คือดอกไม้ชนิดหนึ่งนั้นเองแต่ทว่างานบุญบั้งไฟนี้ก็ไม่ได้มีแค่ทางภาคอีสานเพียงเท่านั้นซึ่งเราจะเห็นได้ว่าภาคอื่นๆก็จะมีการจัดกิจกรรมหรือปะเพณีคล้ายๆกับประเพณีนี้ด้วยเราจะเห็นได้ว่าจังหวัดเพชรบูรณ์  นครสวรรค์ อุทัยธานี นราธิวาส เหล่านี้และจังหวัดอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยถึงก็จะมีการจัดประเพณีคล้ายกันอยู่ด้วยเหมือนกัน

 

การแบ่งประเภทของบั้งไฟได้แก่ บั้งไฟโหวด( ปัจจุบันไม่นิยมทำกันแล้ว )  บั้งไฟม้า บั้งไฟช้าง บั้งไฟแสน บั้งไฟตะไล บั้งไฟตื้อ และบั้งไฟพลุ สำหรับบั้งไฟพลุนั้นจะเป็นทีนิยมกันมากที่สุด เพราะมีสีสันสวยงาม นอกจากจะนำมาจุดในงานบั้งไฟแล้ว ยังนิยมมาจุดในงานพิธีมงคลต่างๆ เช่น งานกิน  งานปีใหม่ ตามงานวัดต่างๆ

 

ส่วนประกอบของบั้งไฟมีดังนี้ เลาบั้งไฟ ( ส่วนที่ทำหน้าที่บรรจุดินปืน )  หางบั้งไฟ (ส่วนนี้สำคัญที่สุดเพราะจะคอยบังคับทิศทางของบั้งไฟว่าจะไปทางไหน )  และลูกบั้งไฟ ( เป็นลำไม้ไผ่ หลายๆอันเอามามัดรวมกัน )

การจัดงานบุญบั้งไฟจะจัดกันส่วนใหญ่เวลาไหน

 

สำหรับการจัดกันในวันวิสาขบูชา กลางเดือนหก จะเป็นการจัดขึ้นในเวลากลางวัน เหล่าชาวบ้านจะนำอาหารมาเพื่อเป็นการทำบุญตักบาตรที่วัดและเป็นการทำฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งในวันเดียวกันในเวลาค่ำจะมารวมตัวกันเพื่อเป็นการเวียนเทียนและจะเป็นการดำเนินงานจุดบั้งไฟนั่นเอง ภายในงานที่จัดขึ้นจะมีเหล่าร้านค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่เป็นที่ระลึกหรืออาหารการกินแม้กระทั่งกิจกรรมในงาน